เทรดCFD

การซื้อขายCFDนั้นมีข้อดีมากมายที่ทำให้มันเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง10ปีหลังมานี้ ได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก CFDนั้นจะทำให้ผู้ลงทุนและนักเทรดสามารถทำการเทรดได้โดยไม่จำเป็นจะต้องถือครองสินค้าเหล่านั้นจริงๆ โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยที่คำนวณโดยการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าจากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด โดยจะสนใจแค่ราคาเท่านั้น ไม่ใช่ตัวสินค้า

โดยส่วนนี้จะเป็นไปตามสัญญาที่ได้กำหนดเอาไว้ระหว่างผู้ใช้กับโบรกเกอร์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ฟิวเจอร์ สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กว์ หรือหุ้นใดๆ

CFDทำงานอย่างไร

การเทรดสัญญาซื้อขายส่วนต่างนั้นมีทั้งหมด5ขั้นตอน:

ขั้นที่1: ขั้นแรกก็คือ การเลือกสินค้าที่ต้องการจะเทรด โบรกเกอร์นั้นจะมีสินค้าหลากหลายชนิดให้ผู้ใช้ได้เลือกในการเทรดเช่น โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ คู่สกุลเงิน ดัชนีหุ้น และอื่นๆอีกมากมาย ผู้ใช้จึงสามารถทำการเลือกเทรดCFDบนตลาดต่างๆได้ทั้ง สินค้าโภคภัณฑ์ bond ฟอเร็กซ์ และหุ้น

ขั้นที่2: ขั้นต่อมาคือการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขาย หากคาดการณ์ว่าสินค้าชนิดนั้นจะมีราคาที่สูงขึ้น ก็ให้เลือกซื้อ และหากคาดการณ์ว่าสินค้าชนิดนั้นจะราคาตกลง ให้เลือกขาย

ขั้นที่3: เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ให้คำนวณปริมาณหน่วยCFDที่ต้องการจะเทรด โดยค่าของCFDจะเปลี่ยนไปตามสินค้าแต่ละชนิดที่ใช้

ขั้นที่4: การบริหารความเสี่ยงเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งโบรกเกอร์นี้ได้มีเครื่องมือหลากหลายชนิดที่จะช่วยในการบริหารความเสี่ยงเช่น การหยุดออร์เดอร์เสีย หากต้องการให้ปลอดภัยที่สุด ผู้ใช้สามารถใช้ตัวการันตีการหยุดความเสียหายได้ ซึ่งจะเป็นตัวบังคับให้การเทรดหยุดลงเมื่อราคาถึงจึดที่ตั้งเอาไว้ ไม่ว่าตัวตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะต้องจ่ายเงินเป็นพิเศษสำหรับบริการนี้ แต่จะได้รับเงินคืนหากสามารถเทรดได้สำเร็จโดยไม่ต้องใช้บริการนี้

ขั้นที่5: หากไม่มีเครื่องมือการปิดเทรดอัตโนมัติ ทั้งแบบที่ตั้งกำไรและป้องกันการขาดทุน ผู้ใช้จะต้องปิดการเทรดเองเมื่อเห็นสมควร

เพื่อเป็นการทำให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เราจะสมมุติเหตุการณ์ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ผู้ใช้คนหนึ่งได้ตัดสินใจซื่อCFDหุ้นมา1000ส่วน และซื้อขายที่ 1599/1600p ผู้ใช้คนนั้นคาดการณ์ว่าราคาของสินค้าชนิดนั้นจะสูงขึ้นและจะสามารถทำเงินได้

เนื่องจากmarginอยู่ที่5% ผู้ใช้จะใช้เงินแค่5%ของค่าจริง ซึ่งเท่ากับ $800 และหากราคาของสินค้าขึ้นไปตามที่ผู้ใช้คาดการณ์ ขึ้นไปอยู่ที่ 1625/1626p ผู้ใช้ก็สามารถทำการปิดการเทรดโดยการขายที่เสกล1625p ซึ่งจะทำกำไรได้$250

ในทางตรงกันข้าม หากผู้ใช้คาดการณ์ผิดแล้วราคาของสินค้าตกลงมาที่1549/1550p และผู้ใช้รู้สึกว่าราคามันจะตกลงไปเรื่อยๆ จึงรีบขายออกเพื่อลดความเสียหายที่ราคา 1549p ซึ่งทำให้เขาเสียเงินไป $510

การตรวจสอบการเทรดCFD

การตรวจสอบการเทรดCFD

เพราะว่าตลาดที่มีการให้กู้เงินยืมสูงนั้น จะดึงดูดให้ผู้คนแห่กันเข้ามาซื้อขายกันเพราะหวังจะได้เงินกำไรจำนวนมากในเวลาสั้นๆ ดังนั้น ตลากCFDจึงต้องได้รับการตรวจสอบอยู่ตลอก หากกำลังหาโบรกเกอร์CFDอยู่ นักเทรดทั้งหลายควรจะตรวจสอบใบอนุญาติและใบยืนยันการตรวจสอบให้ดี

กฎหมายทางด้านไฟแนนซ์ของทั่วโลกนั้นได้ระบุว่า โบรกเกอร์ต่างๆจะต้องได้รับการตรวจสอบจากองค์กรอิสระที่ได้รับความไว้วางใจและได้รับใบอนุญาติ หากไม่มองค์กรตรวจสอบที่คอยสอดส่องดูแลตลาดตั้ง โบรกเกอร์สามารถแก้ไขและบิดเบือนข้อมูลในตลาดให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการได้เพื่อหลอกลวงผู้ใช้ ดังนั้น ควรจะเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าราคาเหล่านั้นเป็นราคาตามจริงของตลาดCFD

นี่คือรายชื่อขององค์กรตรวจสอบต่างๆ โดยเรียงจากประเทศไปดังนี้:

  • ออสเตเรีย – องค์กรตรวจสอบประจำออสเตเรียก็คือ Australian Securities and Investment Commission (ASIC)
  • แคนนาดา – แคนนาดานั้นมีองค์กรตรวจสอบอยู่หลายแห่ง ได้แก่ Canadian Investor Protection Fund (CIPF), Investment Industry Regulatory Organization of Canada (IIROC) และ Ontario Securities Commission (OSC)
  • ไซปรัส – องค์กรตรวจสอบของไซปรัสก็คือ Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
  • เดนมาร์ก – สำหรับประเทศเดนมาร์ก จะมี Danish Financial Supervisory Authority (Danish FSA)เป็นผู้ตรวจสอบ
  • นิวซีแลนด์ – นิวซีแลนด์นั้นมีองค์กรตรวจสอบอยู่หลายแห่ง ได้แก่ Financial Markets Authority (FMA), Financial Services Complaints Limited (FSCL), และ Financial Service Providers Register (FSPR)
  • สาธารณรัฐอังกฤษ – อังกฤษนั้นจะมีองค์กรตรวจสอบอยู่หลายแห่งเช่นกัน ซึ่งได้แก่ UK Financial Services Authority (FSA UK), Financial Conduct Authority (FCA), และ Financial Services Compensation Fund (FSCS).

ทำความเข้าใจกับความเสี่ยงของCFD

ทำความเข้าใจกับความเสี่ยงของCFD

ในการเทรดสัญญาซื้อขายส่วนต่างนั้น ผู้ลงทุนควรจะต้องเข้าใจถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งได้แก่เรื่องต่อไปนี้:

ความเสี่ยงในตลาด

ในการที่จะทำเงินจากการเทรดCFDนั้น ผู้ลงทุนจะต้องคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้ถูกต้อง ในบางครั้งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังสามารถคาดการณ์ผิดพลาดได้เพราะเกิดเหตุการณ์เคลื่อนไหวของนโยบายต่างๆ หรือตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด บางครั้งการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในการเทรดได้เลย ผู้จัดหาอาจเรียกร้องเปลี่ยนค่าmarginครั้งที่2 และหากไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ก็จะปิดการเทรดในทันที หรือผู้ซื้ออาจจะต้องรีบขายเองซึ่งอาจทำให้เสียหายเป็นอย่างมาก

ความเสี่ยงด้านการเงิน

ประเทศที่สามารถทำการเทรดCFDได้ตามกฎหมายนั้นจะมีกฎหมายที่เข้มงวดเพื่อปกป้องผู้ใช้และผู้ลงทุนจากการกระทำของผู้ให้บริการ โดยจะต้องให้ผู้ให้บริการทำการแยกเงินนำเข้าของผู้ใช้ทั้งหมดแยกเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำเฮจจิ้ง แต่กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าผู้ให้บริการต้องนำเงินของผู้ใช้ทั้งหมดมารวมกันหรือแยกกัน

เมื่อเกิดการซื้อขายCFDขึ้น ผู้ให้บริการจะนำเงินค่าmarginแรกออกไปและเรียกค่าmarginที่2ได้อีกครั้งในภายหลัง หากผู้ใช้ไม่สามารถจ่ายค่าmarginที่2นี้ได้ ผู้ให้บริการอาจใช้วิธีนำเงินส่วนที่2นี้ออกมาจากบัญชีแทน ซึ่งอาจจะมีผลต่อกำไรที่ได้รับมาก

ความเสี่ยงจากการบิดพลิ้วของคู่

บริษัทที่ให้บริการสินค้าเหล่านั้นในตลาดไฟแนนซ์จะถูกเรียกว่า counterparties เมื่อนักเทรดทำการซื้อหรือขายCFD ก็จะเป็นการทำสัญญากับสินค้าที่อยู่ในการครอบครองของผู้ให้บริการCFD ดังนั้นผู้ซื้อขายจึงสามารถเข้าถึงcounterpartiesของผู้ให้บริการCFDได้ แต่บางครั้ง อาจมีความผิดพลาดในด้านการเงินบางส่วน หรือส่วนใดก็ตามเกี่ยวกับcounterpartiesจะมีสิทธิส่งผลให้ค่าของสินค้านั้นเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

การขาดทุนอย่างหนัก

ผู้ซื้อขายมีโอกาสในการเสียเงินมากกว่าเงินทุนที่นำเข้าเอาไว้ในบัญชีการเทรดCFD ทั้งนี้ก็เพราะว่ามีค่าการยืมเงินที่สูง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงตลาดCFDได้โดยไม่ต้องใช้เงินถึงค่าเทรดจริง ซึ่งหากการเคลื่อนไหวของราคานั้นเป็นไปตามที่คาดการณ์ก็จะได้รับเงินกำไรจำนวนมาก แต่หากคาดการณ์ผิดก็จะเสียเงินไปมากเช่นกัน

ความเสี่ยงVSกำไร – วิธีการจัดการและลดความเสี่ยงในการเทรดCFD

โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้ใช้กว่า76%ขึ้นไปที่ทำการซื้อขายCFDแล้วขาดทุน เนื่องจากมันมีความเสี่ยงสูงมากในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ของที่มีโอกาสจะได้กำไรเยอะ ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมาก

อย่างไรก็ตาม มันมีวิธีลดความเสี่ยงบางส่วนลงไปบ้างในการซื้อขายCFD:

  • สร้างกลยุทธ์ที่ใช้งานได้ของตัวเอง – การวางแผนการเทรดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยในการตั้งเป้าแล้ว ยังทำให้ไปสู่เป้าหมายได้ชัดเจนขึ้นด้วย
  • อย่ารีบร้อน – สินค้าที่ให้มีอัตราการยืมเงินสูงนั้นมีความเสี่ยงสูงมากเชนกัน ดังนั้น ผู้ใช้ควรจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและตัดสินใจ
  • เรียนรู้เรื่องตลาดให้ดี – ผู้เทรดควรจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ หาข้อมูล และทำความเข้าใจในทุกๆด้านของตลาดที่ต้องการจะลงทุน
  • จับตามองจุดที่จะเริ่มให้ดี – หากไม่สามารถจับตามองได้ด้วยตัวเอง ก็ลองใช้แอพต่างๆดู สามารถตั้งการแจ้งเตือนราคาเมื่อถึงจุดที่ตั้งเอาไว้ได้ในทันที
  • ใช้ลิมิตและการหยุด – การตั้งลิมิตและตัวหยุดนั้นจะช่วยให้คุณปลอดภัยจากการผันผวนของตลาดที่เกิดคาดได้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะมีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงไว้ให้ เพื่อความสะดวกของผู้ใช้ ดังนั้นจึงควรใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ
  • เรียนรู้ด้วยตัวเองต่อไป – ในวงการการเทรดนั้น การเรียนรู้เป็นเรื่องที่สำคัญมากและไม่มีวันหมด ดังนั้นอย่าได้เชื่อมั่นมากเกินไปว่าไม่ต้องเรียนรู้เพิ่ม ให้พยายามหาสิ่งใหม่ๆมาเพิ่มเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป

โบรกเกอร์CFDที่เหมาะสำหรับคนไทย

Choose a Reliable Broker

ทางเราได้รวบรวมโบรกเกอร์CFDที่ดีที่สุดเอาไว้เป็นลิสต์ดังนี้:

  • A-Markets ซึ้งเป็นผู้ให้บริการซื้อขายCFDมาตั้งแต่ปี2007 มีจุดเด่นต่างๆได้แก่ โปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษที่น่าสนใจอย่างสม่ำเสมอ ช่องทางทางการเงินที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น สามารถยืมเงินได้สูงสุดที่อัตรา 1:1000 และสเปรดเริ่มต้นที่0.2p และในปี2013นั้น ได้กลายเป็นสมาชิกระดับAของ กลุ่มFinancial Commission
  • XM Forex นั้นได้ให้บริการทั้งด้านของฟอเร็กซ์และCFDบนสินค้าโภคภัณฑ์ โลหะ ดัชนีหุ้น และพลังงาน ผู้ใช้สามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มได้หลากหลายตั้งแต่ XM WebTrader, MT4 และ MT5 ข้อดีอื่นๆของการใช้บริการCFDบนXM Forexได้แก่ การที่มีวีดีโอให้ความรู้ต่างๆ มีผู้จัดการบัญชีส่วนตัว บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคฟรีรายวัน และบริการช่วยเหลือลูกค้า24ชั่วโมง5วันต่อสัปดาห์
  • FXTM หรือForex Timeนั้นเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตและการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ มีสินค้าให้เลือกเทรดกว่า250ชนิดและมีบัญชีหลากหลายรูปแบบ นอกจากนั้นยังมีโปรโมชั่นต่างๆที่น่าสนใจ และการแข่งขัน และสามารถไว้ใจเรื่องการเงินได้เพราะมีการแยกเงินนำเข้าของลูกค้าไว้จากบัญชีเงินหมุน ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารชั้นนำของสหภาพยุโรป
  • IQ Option มีสินค้าหลากหลายชนิดตั้งแต่ ออฟชั่น ETF ฟอเร็กซ์ เงินดิจิตัล สินค้าโภคภัณฑ์ และCFDของกว่า167บริษัท และมีอัตราเงินยืมถึง 20x นอกจากนั้นยังเป็นแพลตฟอร์มโซเชี่ยลที่สนับสนุนให้ผู้ใช้ได้แบ่งปันความรู้และความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาด
  • Pepperstoneเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการตรวจสอบจากASIC และได้รับรางวัลต่างๆมามากมาย มีค่าสเปรดเริ่มต้นที่0.9 มีสินค้าให้เลือกเทรดกว่า80ชนิด แพลตฟอร์มให้ใช้ 11แพลตฟอร์ม เงินนำเข้าขั้นต่ำที่$200 และมีอัตราเงินยืมสูงสุดที่1:500
  • Alpariได้ทำงานในวงการนี้มากว่า20ปี นอกจากจะมีสภาพแวดล้อมในการเทรดที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีศูนย์ให้ความรู้เกี่ยวกับฟอเร็กซ์ที่ดีเยี่ยม และไม่นานมานี้ ได้มีการจัดการแข่งขันและข้อเสนอโบนัสพิเศษมากมาย มีผู้ใช้ที่สมัครใช้งานกว่า2ล้านคน และได้รับใบอนุญาตมาจาก3องค์กรด้วยกัน ขึ้นชื่อในด้านการบริการPAMM แพลตฟอร์มMetaTrader และข้อเสนอเงินคืน
  • Libertexนั้น ให้บริการประสบกาณณ์ข้ามแพลตฟอร์มที่ดีเยี่ยม เป็นแพลตฟอร์มที่เรียบง่าย ใช้งานสะดวก ทั้งด้านสัญญาณเทรด การวิเคราะห์ตลาด และระบบความปลอดภัยที่รัดกุม ได้รับใบอนุญาตและการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ สามารถยืมเงินได้อัตราสูงสุดที่1:600สำหรับผู้ใช้ระดับมืออาชีพ และมีส่วนลดค่าคอมมิชชั่นถึง50%สำหรับผู้ใช้ที่เพิ่งเริ่มต้น
  • 24Option ให้บริการทั้งด้านของฟอเร็กซ์และCFDบนแพลตฟอร์มซื้อขายที่ใช้บนเบราเซอร์เป็นหลัก ผู้ใช้สามารถเริ่มใช้บริการบน24Option.comและได้รับโบนัสสูงสุดถึง50% และจุดเด่นที่เป็นเรื่องพิเศษของ24Optionก็คือ สามารถซื้อขายCFDของกัญชาได้หลากหลายชนิด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับCFD

Q1: ทำเงินได้มากแค่ไหน?

A: ผลกำไรจากการเทรดCFDนั้นขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย ตั้งแต่ขนาดของบัญชีที่ใช้และจำนวนที่เทรด ผู้เชี่ยวชาญนั้นสามารถทำเงินได้จนสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้จากการซื้อขายCFDเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม มันขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะสามารถบริหารและรับมือกับความเสี่ยงได้ดีแค่ไหน มีกลยุทธ์และการคาดการณ์ที่แม่นยำเท่าไหร่

Q2: เสียเงินสูงสุดเท่าไหร่?

A: หากผู้ให้บริการนั้นมีระบบป้องกันความเสียหาย คุณก็อาจจะเสียแค่เงินที่ลงทุนได้ แต่หากไม่มี คุณอาจจะต้องเสียมากกว่าเงินทั้งหมดในบัญชีที่เข้าเอาไว้ ในทางทฤษฎีแล้ว หากไม่ระวัง(แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น) คุณก็มิสิทธิ์ที่จะหมดตัวหากไม่ทำการเทรดอย่างมีสติ

Q3: CFDนั้นถูกกฎหมายหรือไม่?

A: มีหลายประเทศที่ยอมรับการเทรดCFDให้เป็นเรื่องถูกกฎหมายเช่น ออสเตเรีย สารณรัฐอังกฤษ สหภาพยุโรป แอฟริกาใต้ นิวซีแลนด์ แคนนาดา สวิซเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าในอเมริกาและหลากประเทศทางเอเชียนั้นจะไม่ได้ระบุว่าCFDเป็นสิ่งถูกกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้มีการห้ามไม่ให้ทำการซื้อขายCFDเช่นกัน

Q4: จะต้องนำรายได้จากการซื้อขายCFDไปเสียภาษีหรือไม่?

A: หากอาศัยอยู่ในประเทศที่มีกฎหมายว่าCFDถูกกฎหมายแล้ว จะต้องนำเงินส่วนนั้นไปแจงและจะต้องเสียภาษีด้วย

Q5: ชาวอิสลามสามารถเทรดCFDได้หรือไม่?

A: ศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้ทำการเทรดCFDได้เนื่องจากผู้ซื้อขายนั้นไม่ได้ถือครองสินค้าเหล่านั้นจริงๆ เป็นเพียงแค่การตักตวงผลจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้น ศาสนาอิสลามยังไม่อนุญาตให้ทำการกู้ยืมเงิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการเทรดCFD

บทสรุป

การซื้อขายCFDนั้นเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ใจไม่แข็งพอ ขอให้เทรดเฉพาะเมื่อคุณมีเงินที่สามารถเสียไปได้โดยไม่เดือดร้อน ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงทั้งหมดของการซื้อขายCFDให้ดีก่อน และเมื่อคุณพร้อมที่จะเทรด ก็สมัครสมาชิกกับโบรกเกอร์ที่เราได้แนะนำไปเพื่อลดความเสี่ยงในการโดนหลอก