การซื้อขายฟอเร็กซ์ นั้นมีชื่อเรียกหลายอย่างเช่น FX การซื้อขายสกุลเงิน และ Foreign exchange ซึ่งเป็นตลาดกลางที่รวบรวมสกุลเงินต่างๆจากทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน ตลาดฟอเร็กซ์นั้นไม่ได้ใหญ่อย่างเดียว แต่ยังมีความเคลื่อนไหวสูงอีกด้วย โดยเฉลี่ยแล้วจะมีการเทรดมากกว่า 5พันล้านดอลล่าห์ทุกๆวัน เพราะว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้น เต็มไปด้วยโอกาสและช่องทางมากมาย ซึ่งหาได้ยากในสื่อกลางอื่นๆ

ฟอเร็กซ์เป็นอย่างไร – มาทำความเข้าใจกับพื้นฐานกันก่อน

ฟอเร็กซ์เป็นอย่างไร – มาทำความเข้าใจกับพื้นฐานกันก่อน

เมื่อใดที่มีการซื้อสกุลเงินมากขึ้น จะเกิดความต่างของความต้องการขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งจะเพิ่มให้ราคาของสกุลเงินนั้นๆสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน หากมีความต้องการขายมากกว่า และเกิดความต่างของความต้องการขึ้นมาอีก ส่งผลให้ราคาของสกุลเงินนั้นๆลดลง

ผู้ซื้อขายรายใหญ่ก็ได้แก่แบงค์ประจำชาติของแต่ละประเทศนั้น จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ของสกุลเงินเหล่านั้น ถึงอย่างนั้น การซื้อขายของรายบุคคลนั้นก็มีผลกับตลาดเช่นกัน โดยเฉพาะหากมีบุคคลธรรมดาจำนวนมากทำการซื้อขายในรูปแบบเดียวกัน

การหาเงินจากการเทรดฟอเร็กซ์

เมื่อใดก็ตามที่มีการเทรดบนตลาดฟอเร็กซ์ ก็จะเป็นการซื้อหรือขายสกุลเงินเฉพาะสกุลนั้นๆ โดยจะเป็นการนำเงินสกุลหนึ่งไปซื้อเงินอีกสกุลหนึ่งเพื่อหวังว่าเงินสกุลที่ว่าจะมีค่าเพิ่มขึ้น และเมื่อราคาของสกุลเงินที่ถือสูงขึ้นก็จะทำการขายสกุลเงินนั้นเพื่อเอาส่วนต่าง

ยกตัวอย่างเช่น นักเทรดคนหนึ่งซื้อเงินมา 10,000 EUR ด้วยอัตราราคา $1.1600 ต่อมาอีกไม่กี่สัปดาห์ นักเทรดคนนั้นก็ได้ขายเงิน 10,000 EURด้วยอัตราราคา $1.2400 ทำให้เขาได้เงินมากขึ้นถึง $800

วิธีการอ่านโควตฟอเร็กซ์

โบรกเกอร์ฟอเร็กว์นั้นจะมีคู่สกุลเงินต่างๆให้ เช่น USD/GBP, EUR/USD, JPU/EUR และอื่นๆ โดยโควตของคุ๋สกุลเงินนี้เกิดขึ้นเพราะการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นจำเป็นที่จะต้องเทียบสกุลเงินชนิดหนึ่งกับอีกชนิดโดยตรงเท่านั้น

วิธีการอ่านโควตฟอเร็กซ์

ตัวอย่างหนึ่งของโควตคู่สกุลเงินคือ GBP/USD = 1.50247 โดยสกุลเงินที่อยู่ข้างหน้าจะเรียกว่าสกุลพื้นฐาน หรือเบส และสกุลเงินข้างหลังจะเรียกว่าสกุลเคาน์เตอร์ หรือโควต โดยในตัวอย่างที่กล่าวมานั้น สกุลเบสคือGBPและสกุลโควตคือUSD โดยมีอัตราอยู่ที่1.50247 ซึ่งหมายถึงจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายในการซื้อเงินสกุลเบส1หน่วย อธิบายได้ได้ว่าเงิน1 GBPจะสามารถซื้อเงินได้ 1.50247 USD ในการทำแบบนั้นหมายความว่า ผู้ที่จองโควตนี้จะขายเงินGBPเป็นUSD

สั้น/ยาว

ในการที่นักเทรดนั้นซื้อสกุลเบสและขายสกุลเคาน์เตอร์ พวกเขาต่างก็หวังผลว่าค่าเงินของสกุลเบสนั้นจะเพิ่มขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะสามารถขายได้ราคาสูงขึ้นและได้ส่วนต่างนั้นมา ซึ่งในที่นี้จะเรียกว่าเป็นการ “เล่นแบบยาว” หรือ “เล่นlong”

สั้น/ยาว

ในทางกลับกัน หากขายเงินสกุลเบสและซื้อเงินสกุลเคาน์เตอร์ พวกเขาหวังว่าสกุลเงินเบสนั้นจะต่ำลงเพื่อที่จะสามารถซื้อได้ด้วยราคาที่ต่ำลง ซึ่งในที่นี้จะเรียกว่า “เล่นแบบสั้น” หรือ “เล่นshort”

คำศัพท์เฉพาะที่จำเป็นในการซื้อขายฟอเร็กซ์

  • คำว่า “bid” นั้นหมายถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่นักเทรดพร้อมที่จะซื้อสกุลเบสจากอีกสกุลเงินหนึ่ง
  • คำว่า “ask” นั้นหมายถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่นักเทรดพร้อมที่จะขายสกุลเงินเบสเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสกุลเคาน์เตอร์
  • ค่าว่า “spread” (สเปรด) นั้นใช้ในการคำนวณค่าความแตกต่างของ “ask” กับ “bid” ยกตัวอย่างเช่น หากค่าbidของEUR/USDคือ 1.34468 และค่าaskอยู่ที่1.34498 ค่าสเปรดก็คือส่วนต่างของทั้งสองค่านั่นเอง

สัญญาซื้อขายส่วนต่าง(CFD) VS ฟอเร็กซ์

สิ่งที่CFDและฟอเร็กซ์มีเหมือนกันได้แก่:

  • วิธีการจัดการการเทรดนั้นเหมือนกัน
  • วิธีการตั้งราคาและชาร์ทเหมือนกัน
  • เครื่องมือการซื้อขายส่วนใหญ่นั้นจะมีค่าธรรมเนียมและคอมมิชชั่น ในการซื้อขายฟอเร็กซ์และCFDนั้นจะมีเพียงแค่ค่าสเปรดเท่านั้น
  • ทั้งการซื้อขายฟอเร็กซ์และCFDนั้น ผู้ซื้อขายนั้นไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้นๆ เป็นเพียงแค่คาดการณ์ราคาเท่านั้น

ข้อแตกต่างระหว่างCFDและฟอเร็กซ์:

  • ฟอเร็กซ์นั้นเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ในขณะที่CFDนั้นเป็นการซื้อขายในตลาดที่กว้างกว่าเช่น พลังงาน โลหะ และ ดัชนี
  • สิ่งที่มีผลกระทบต่อCFDนั้นได้กว่าค่าอุปโภค-บริโภค ซึ่งจะมีผลต่อราคาของสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านั้น แต่สำหรับฟอเร็กซ์นั้นจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทั่วโลกเช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายสากล อัตราจ้างงาน ฯลฯ

ตัวบ่งชี้ของฟอเร็กซ์ที่ใช้งานได้จริง

ฟอเร็กซ์คืออะไร? ไกด์ฉบับสมบูรณ์เพื่อคุณ

มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้กล่าวไว้ว่า ตัวบ่งชี้ที่แท้จริงของฟอเร็กซ์นั้นไม่มีอยู่จริง ในขณะที่นักเทรดแบบเป็นครั้งคราวนั้นได้สร้างกลยุทธ์ต่างๆและตัวบ่งชี้บางอย่างขึ้นมาให้ใช้ได้ในตลาดอื่นๆด้วย ดังนั้นมันจึงมีตัวบ่งชี้อยู่มากมาย และผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่มักจะเข้าใจผิด คิดว่าตัวบ่งชี้เหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแน่นอน แต่บางครั้งสิ่งที่พวกเขาเห็นก็เป็นแค่การเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าในการซื้อขายในตลาดต่างๆ รวมไปถึงตลาดฟอเร็กซ์ด้วย

นี่คือลิสต์ของตัวบ่งชี้ที่เป็นที่นิยมในวงการฟอเร็กซ์:

  • ชารท์ราคา – นักเทรกนั้นควรจะศึกษาชาร์ทราคานี้ให้ดีและวิเคราะห์อย่างระมัดระวังเพื่อการเทรดที่ถูกต้อง
  • ชาร์ทแท่งเทียน – ชาร์ทแท่งเทียนนั้นเป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้ได้ดีระดับหนึ่งและสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในตลาดฟอเร็กซ์ค่อนข้างมาก มันเป็นข้อมูลที่สำคัญมากที่จะช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าจะเล่นแบบlongหรือshort หรือจะลองแยกตัวออกจากตลาดนั้นออกมาในช่วงเวลานั้นๆ
  • ชาร์ทแบบแท่ง – เป็นเครื่องมือที่สามารถให้ข้อมูลได้เช่นเดียวกับแบบแท่งเทียน แต่สามารถอ่านได้ง่ายขึ้นและวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้นเพราะรูปร่างของมัน
  • Bollinger Bands – เป็นตัวบ่งชี้ทางฟอเร็กซ์ที่ค่อนข้างมีผลกระทบมาก ที่จะบอกกับนักเทรดว่าตลาดได้ขยับออกห่างจากค่าเฉลียมามากน้อยแค่ไหนแล้ว
  • Stochastic Oscillator – นักเทรดฟอเร็กซ์ควรจะเรียนรู้และทำความเข้าใจตัวบ่งชี้นี้ที่จะบอกถึงความเร็วและโมเมนตัมของราคา อย่างไรก็ตาม มันจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวังมากๆเพราะหากวิเคราะห์พลาด อาจจะทำให้เสียหายได้มากเช่นกัน

วิธีการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่สุด?

วิธีการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่สุด?

ในการที่จะมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จได้ในวงการฟอเร็กซ์นั้น จะต้องเริ่มจากการมีโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีก่อน นี่คือข้อแนะนำต่างๆที่จะช่วยให้คุณหาโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ได้ดีขึ้น

  • การตรวจสอบ – ให้เลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ได้รับใบอนุญาตและได้รับการตรวจสอบจากองค์กรกลางอยู่อย่างสม่ำเสมอ
  • การยืมเงิน – โบรกเกอร์จะมีให้คุณสามารถกู้เงินล่วงหน้าในการลงทุนได้เล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีอัตราให้ยืมเงินที่ 50:1 ผู้ที่มีเงินอยู่ในบัญชีเป็นจำนวน$1000จะสามารถใช้เงินในการลงทุนได้ถึง$50,000 ถึงแม้ว่าการที่ให้เงินกับผู้ลงทุนมากขึ้นจะทำให้มีผลกำไรที่สูงขึ้นก็จริง แต่นั่นหมายความว่าก็มีโอกาสที่จะเสียเงินสูงเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้ควรจะระมัดระวังในการใช้งานระบบกู้ยืมเสียหน่อย
  • ค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่น – โบรกเกอร์นั้นจะได้เงินกำไรมาจากค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่น โดยโบรกเกอร์บางรายอาจใช้วิธีการจ่ายค่าสเปรดรวบยอดไปกับค่าคอมมิชชั่น แต่ก็มีโบรกเกอร์หลายๆแห่งที่ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นแต่เก็บค่าสเปรดที่มีความกว้างกว่าแทน หรืออาจจะคิดค่าสเปรดแบบคงตัวก็ได้
  • การนำเงินเข้าครั้งแรก – หากคุณไม่เคยซื้อขายฟอเร็กซ์มาก่อน คุณควรจะหาโบรกเกอร์ที่มีเงื่อนไขเงินเข้าขั้นต่ำที่ไม่สูง โบรกเกอร์ชั้นนำส่วนใหญ่จะทำให้ลูกค้านั้นสะดวกขึ้นโดยการมีค่ากำหนดเงินนำเข้าหลายๆรูปแบบเป็นระดับ ดังนั้นผู้ที่สนใจก็จะได้สามารถเลือกรูปแบบบัญชีที่ตัวเองต้องการได้
  • ทางเลือกทางการเงิน – โบรกเกอร์ชั้นนำนั้นจะมีทางเลือกในการนำเงินเข้าออกที่หลากหลาย ปลอดภัย มั่นคง และเชื่อถือได้ ตั้งแต่บัตรเครดิต eWallet ออนไลน์แบงค์กิ้ง เช็ค ฯลฯ ผู้สมัครใช้งานสามารถนำเงินออกจากบัญชีได้ผ่านทางการโอนทางธนาคารหรือเช็ค ซึ่งโบรกเกอร์บางรายก็จะมีค่าธรรมเนียมในขณะที่บางแห่งก็จะไม่มีค่าธรรมเนียมส่วนนี้ ดังนั้นจึงควรจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้ให้ดีก่อนที่จะเริ่มใช้บริการ
  • ฝ่ายช่วยเหลือลูกค้า – ก่อนที่คุณจะตัดสินใจสมัครใช้บริการของโบรกเกอร์ใดๆ คุณควรที่จะทดสอบระบบให้ความช่วยเหลือลูกค้าของโบรกเกอร์นั้นก่อนเพื่อวัดระดับความเอาใจใส่และยุติธรรม หากเป็นไปได้ก็พยายามหาโบรกเกอร์ที่มีบริการให้ความช่วยเหลือ24ชั่วโมง 7วันต่อสัปดาห์ ทั้งทางอีเมล แชท และโทรศัพท์ฟรี
  • แพลตฟอร์มซื้อขาย – โบรกเกอร์ชั้นนำนั้นจะเตรียมซอฟท์แวร์ที่ใช้งานได้สะดวก สบายตา มีเว็บที่ดูดี และมีเครื่องมือให้ใช้หลากหลาย วิธีการซื้อขายที่ชัดเจน เห็นได้ง่าย และกดได้สะดวก และควรจะมี “ปุ่มฉุกเฉิน” ที่จะทำการยุติการซื้อขายทั้งหมดของผู้ใช้ในทันที และสามารถให้ผู้ใช้สร้างบัญชีทดสอบฟรีเพื่อเป็นการเริ่มต้นและฝึกฝนให้คุ้นชินกับระบบจนมั่นใจพอที่จะใช้เงินจริง

นี่คือรายชื่อของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เราขอแนะนำ:

MetaTrader4 หรือ MetaTrader5 – ความแตกต่างระหว่างทั้งสองแพลตฟอร์ม

ผู้ใช้บริการนั้นจะมีแพลตฟอร์มใหญ่ๆให้เลือกอยู่2แบบ: MT4 หรือ MT5

MetaTrader4 หรือ MetaTrader5

MetaTrader4นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นที่รู้จักมากกว่าMT5 และโบรกเกอร์ส่วนมากมักจะมีแพลตฟอร์มนี้เตรียมไว้ให้ อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต่างก็ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาด้วยบริษัทเดียวกัน ซึ่งก็คือ MetaQuote Software Corporation ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ไซปรัส

เพราะว่าMetaTrader5นั้นเปิดให้ใช้งานในท้องตลาดหลังจากMT4ถึง5ปี ทำให้ผู้ใช้หลายๆคนเชื่อว่าMT5นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่มีการพัฒนามากกว่าMT4 แต่จริงๆมันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว

ความจริงแล้ว MetaTrader5นั้น สามารถทำทุกอย่างที่ MetaTrader4ทำได้ก็จริง แต่ว่ามันมุ่งเน้นไปทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์และการซื้อขายหุ้นมากกว่า พูดได้อีกอย่างว่า MetaTrader5นั้นจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดตลาดให้กว้างโดยไม่ยึดอยู่แค่เรื่องสกุลเงิน แต่ว่ามันก็ไม่ได้จำเป็นในวการฟอเร็กซ์เสียเท่าไหร่

นอกจากนั้น MetaQuotesนั้นพัฒนาMT5ขึ้นมาภายใต้กฎหมายของอเมริกาที่ว่า ห้ามการเฮจจิ้ง ในขณะที่MT4นั้นสามารถทำได้โดยอิสระ ถึงแม้ว่ามันจะดีต่อผู้ใช้ในอเมริกา แต่สำหรับนักเทรดที่ไม่ได้อยู่ในอเมริกานั้นอาจจะรู้สึกว่าเสียเปรียบที่ไม่สามารถเฮจจิ้งได้

กลยุทธ์ต่างๆของฟอเร็กซ์

หากคุณเป็นผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นในการซื้อขายฟอเร็กซ์แล้วละก็ คุณอาจจะพบกับกลยุทธ์ที่มากมายจนล้นไปหมด การทดสอบกลยุทธ์แต่ละรูปแบบบนบัญชีทดลองนั้นเป็นความคิดที่เ แต่อย่างไรก็ตาม มันจะดีที่สุดหากคุณสามารถคิดค้นกลยุทธ์ของตัวเองขึ้นมา เพราะว่ามันจะได้เหมาะกับสไตล์การซื้อขายและนิสัยของตัวคุณด้วย เมื่อคุณได้ทดสอบกลยุทธ์จนค้นพบวิธีที่ดีแล้ว คุณยังต้องคำนึงถึงการบริการความเสี่ยงที่ดีและวิธีการบริหารเงินของคุณด้วย

สรุป

โฟคืออะไร

การซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสามารถทำเงินได้ แต่มันก็เต็มไปด้วยอุปสรรคและความเสี่ยง เพราะว่าตลาดฟอเร็กซ์นั้นมีความลื่นไหลมากที่สุดในโลก ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปซื้อขายเมื่อไหร่ก็ได้ กับสกุลเงินใดก็ได้ ในเวลาอันสั้น และสเปรดต่ำ นอกจากนั้นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ยังมีการให้ยืมเงินล่วงหน้าในการลงทุน ทำให้ผู้ใช้สามารถรับผลกำไรได้มากขึ้นโดยไม่ต้องมีทุนมากขนาดนั้น

เราแนะนำให้ผู้ที่กำลังเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์นั้น เลือกโบรกเกอร์ที่จะใช้บริการด้วยความระมัดระวัง และทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงของการยืมเงินล่วงหน้า เราขอแนะนำให้คุณลองใช้บัญชีทดสอบก่อน และใช้เวลาระดับหนึ่งในการฝึกฝนและทดสอบหลายๆอย่างก่อนที่จะใช้เงินจริงในการซื้อขาย