การวางแผนนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากๆในการมุ่งไปสู่ความสำเร็จในวงการฟอเร็กซ์ หากคุณอยากจะประสบความสำเร็จแล้วละก็ คุณจะต้องสร้างแผนที่ชัดเจนและรัดกุมขึ้นมา ในการวางแผนหรือที่เรียกกันว่ากลยุทธ์ทางฟอเร็กซ์นั้นมีหลายหลายวิธี
ผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียของวิธีเหล่านั้นด้วย พวกเขาไม่ควรที่จะเชื่อวิธีการใดวิธีหนึ่งโดยที่ไม่รู้ถึงรายละเอียดและไม่ควรตามแบบทั้งหมด ตัวอย่างเช่น มีกลยุทธ์ที่บอกว่าจะสามารถทำกำไรได้มากในเวลาสั้นๆนั้น เป็นกลยุทธ์ที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
เพจนี้จะเป็นไกด์ให้กับคุณในการช่วยให้คุณค้นหาวิธีการต่างๆที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
วิธีการเลือกกลยุทธ์ฟอเร็กซ์ต่างๆ
ก่อนที่จะเลือกกลยุทธ์ต่างๆนั้น ผู้ใช้ความจะทำความคุ้นเคยและเข้าใจถึงการซื้อขาย4แบบหลักเสียก่อน:
- การซื้อขายแบบโพซิชั่น – นักเทรดแบบโพซิชั่นนั้น คือการซื้อขายแบบที่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน โดยปกติแล้วจะใช้เวลาหลายเดือน และเพราะว่าพวกเขาต้องใช้ความรู้ระดับลึกและการวิเคราะห์ลงไปถึงแก่น ดังนั้นจึงต้องใช้กลยุทธ์แบบแก่น
- การซื้อขายแบบสวิง – การซื้อขายแบบสวิงคือการซื้อแล้วเก็บไว้เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้พวกเขาเจอกับความเสี่ยงการผกผันในช่วงเปลี่ยนวัน แต่พวกเขาสามารถหาผลกำไรที่มากกว่าได้จากการรอนานขึ้น ซึ่งใช้ทั้งการวางแผนทั้งแบบหัวใจ และแบบเทคนิค
- การซื้อขายภายในวัน – การซื้อขายแบบนี้มักจะใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวในการซื้อขาย บางครั้งก็จะใช้กลยุทธ์ที่ใช้วิเคราะห์ในระยะสั้นๆเช่น 15-60นาที
- แบบscalp – การซื้อขายแบบนี้จะทำกันอย่างรวดเร็วมากๆ บางครั้งผู้ซื้อจะถือไว้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น และซื้อขายหลายๆรอบทุกๆวัน โดยหวังผลจากการขยับขึ้นลงเล็กๆน้อยๆของสิ่งนั้นๆ ดังนั้น ก็จะได้กำไรที่ค่อนข้างน้อยต่อครั้ง โดยการซื้อขายประเภทนี้จะต้องพึ่งการศึกษาเรื่องข่าวสารและการวิเคราะห์แบบเทคนิคด้วย
ชนิดของกลยุทธ์ต่างๆในการซื้อขายฟอเร็กซ์
นี่คือกลยุทธ์ต่างๆที่สำคัญของการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้:
กลยุทธ์การซื้อขายเชิงเทคนิค
นี่คือกลยุทธ์ที่ใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิค โดยที่เน้นไปที่การวิเคราะห์ข้อมูลราคา และชาร์ทราคาอื่นๆ ผู้ใช้สามารถใช้วิธีการเหล่านี้ในการซื้อขายในหลายระยะเวลา กลยุทธ์ที่มีฐานมากจากการวิเคราะห์เชิงเทคนิคนั้นจะสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้เป็นอย่างดี ดังนั้น ผู้ใช้ควรจะศึกษาวิธีการวิเคราะห์ต่างๆมาให้ดี
นี่คือตัวอย่างของกลยุทธ์ทางเทคนิคเหล่านั้น:
- การซื้อขายตามเทรนด์ – โดยจะใช้วิธีเกาะตามกระแสไปตามที่เห็นว่าจะได้กำไร อย่างไรก็ตามการค้นหาเทรนด์เหล่านั้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทำให้มันเป็นวิธีลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงอยู่เหมือนกัน กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ระยะสั้นๆอย่างใน5นาที ไปจนถึงประมาณ4ชั่วโมง
- การซื้อขายแบบเรนจ์ – ผู้ใช้แบบนี้มักจะใช้วิธีคิดโดยใช้ระยะของชาร์ทเป็นตัวบ่งบอก และพวกเขาจะวิเคราะห์ว่าการเคลื่อนไหวของราคามันจะเป็นไปตามที่เคยเป็น
กลยุทธ์แบบรากฐานหลักของการเทรด
สิ่งเหล่านี้คือวิธีการต่างๆที่สร้างมาจากการวิเคราะห์ระดับรากฐานของตลาด ซึ่งรวมไปถึงการเติบโตทางการเงิน การเปลี่ยนแปลงของนโยบายทางการเงิน ค่าเงินเฟ้อ เงินลงทุน หนี้สิน และอื่นๆ
เมือเปรียบเทียบกับการวิเคราะห์เชิงเทคนิคแล้ว การวิเคราะห์เชิงรากฐานนั้นค่อนข้างที่จะซับซ้อนกว่ามาก จำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ข่าวสารต่างๆจากหลายๆแห่งและตัดเหตุการณ์ที่ไม่จำเป็นออกไป โดยทั่วไปแล้ว วิธีการนี้จะใช้ได้ดีที่สุดในการซื้อขายแบบสวิง แต่การซื้อขายภายใน1วันเองก็สามารถใช้ได้เหมือนกันเพราะว่าข่าวด่วนบางอย่างก็มีผลกระทบกับตลาดเช่นกัน
นี่คือตัวอย่างของการซื้อขายโดยใช้กลยุทธ์แบบรากฐาน:
- ซื้อขายแบบแครี่ – กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายที่จะหากำไรจากการซื้อขายสกุลเงินที่มีค่าเรตความต้องการต่างกัน ถึงแม้อาจจะไม่น่าตื่นเต้นเท่าการซื้อขายภายใน1วัน แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีโอกาสได้กำไรสูงในระยะยาว
- ซื้อขายตามข่าว – ผู้ซื้อขายหน้าใหม่นั้นต้องเผชิญกับบอทซื้อขายต่างๆมากมาย ทั้งระบบอัตโนมัติอื่นๆที่สามารถควบคุมและรับข้อมูลข่าวสารจากหลายแห่งได้พร้อมๆกันในไม่กี่วินาที ดังนั้น ผู้ที่ถนัดในการรับข่าวสารจากหลายๆแห่งในระยะเวลาอันสั้นนั้นสามารถเทรดได้บนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของตลาดและหากำไรจากส่วนนั้นได้
กลยุทธ์ฟอเร็กซ์แบบตามเทรนด์
การซื้อขายฟอเร็กซ์แบบตามเทรนด์นั้นเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการผู้ซื้อขายฟอเร็กซ์เพราะมันค่อนข้างจะได้ผลจริง ซึ่งหวังผลจากการใช้เทรนด์ระยะยาวให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อ และสามารถหากำไรได้จากทั้งขาขั้นและขาลงได้
ผู้ที่ใช้วิธีนี้มักจะใช้ channel breakouts การเคลื่อนไหวของค่าเฉลี่ย และการคำนวณราคาในตลาดเพื่อคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวในอนาคตจะเป็นอย่างไร และพวกเขาก็สนใจที่จะใช้วิธีเกาะเทรนด์มากกว่าคาดการณ์เอาเอง
ผู้ใช้สามารถใช้เทคนิคต่างๆในการดูว่ามันเป็นเทรนด์ที่กำลังลงหรือขึ้นในตลาด นอกจากนั้นยังมีตัวบ่งชี้อื่นๆที่สามารถเป็นตัววัดได้ว่าเทรนด์เหล่านั้นมีความแข็งแรงแค่ไหนอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น หากค่าเฉลี่ยของดัชนีซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางทคนิคนั้น อยู่ที่ค่าระหว่าง25-50 แสดงว่าเป็นเทรนด์ที่มีความแข็งแรง หากมีค่าระหว่าง 50-75แสดงว่ามีความแข็งแรงมาก และหากเกิน75ขึ้นไปแสดงว่าเทรนด์นี้เป็นเทรนด์ที่มั่นคงมากๆ
กลยุทธ์Breakout
ผู้ซื้อขายแบบภายในวันนั้นมักจะใช้วิธีนี้ในการซื้อขายเนื่องจากโมเมนตัมของการเคลื่อนไหวของตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังการbreakoutในระดับเทคนิค โดยเฉพาะการทะลุระดับแนวต้านและแนวรับ แชแนล เส้นเทรนด์ และแพทเทิร์นของชาร์ท เมื่อผู้ใช้เห็นว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิม ก็จะสามารถทำการหากำไรจากส่วนนั้นได้ในทันที
ยกตัวอย่างเช่น การดูรูปแบบของชาร์ทจะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ชอบกลยุทธ์นี้เพราะว่ามันสามารถบอกได้ว่าเทรนด์นั้นๆจะไปต่อหรือย้อนกลับ
กลยุทธ์ต้านเทรนด์
ผู้ใช้ที่ใช้วิธีนี้จะเปิดการซื้อขายโดยจะใช้วิธีสวนกระแสเทรนด์หลัก โดยมีจุดประสงค์ที่จะซื้อขายโดยใช้ความต่างของราคาขึ้น-ลง ซึ่งทำให้มีโอกาสได้กำไรสูงแต่ก็มีโอกาสเสียสูงเช่นกัน
วิธีการเลือกกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ – คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น
เมื่อคุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆและวิธีการซือขายหลายอย่างแล้ว คุณจะต้องเลือกวิธีที่เหมาะสำหรับคุณเพราะว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นต่อความสำเร็จของคุณ
นี่คือข้อแนะนำต่างๆที่จะช่วยให้คุณเลือกวิธีต่างๆได้ดีขึ้น:
ข้อแนะนำที่1 – เลือกแพลตฟอร์มซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุด
คุณสามารถเลือกวิธีการซื้อขายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้ แต่เพื่อที่จะให้มันใช้งานได้เต็มที่ คณจะต้องมีแพลตฟอร์มฟอเร็กซ์ที่ดีเช่นกัน
มีโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และแพลตฟอร์มออนไลน์มากมายในวงการนี้ แต่แพลตฟอร์มแบงที่นั้นก็ไม่ได้เชื่อถือได้เสมอไป หากผู้ซื้อขายนั้นไม่ระวังตัวเอง อาจจะโดนหลอกให้สมัครบนเว็บของมิจฉาชีพหรือโบรกเกอร์ที่ไม่ซื่อตรง หรือไม่สามารถซื้อขายได้จริงก็ได้ แพลตฟอร์มบางแห่งยังเต็มไปด้วยโฆษณาที่ไม่เกี่ยวข้องอีกมากมายซึ่งจะสร้างความรำคาญและกระทบต่อการทำงานได้ด้วย
ผู้ซื้อขายควรจะเข้าไปตรวจสอบและสมัครกับแพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถซื้อขายได้จริง มีความปลอดภัย มีเครื่องมือ และฟีเจอร์ต่างๆให้คุณใช้ นอกจากนั้นควรจะมีอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่าย รวมไปถึงบัญชีทดลองฟรีด้วย
ข้อแนะนำที่2 – ใช้กลยุทธ์หลายอย่างรวมกัน
กลยุทธ์แต่ละแบบก็ทำงานแตกต่างกันไป และบางครั้ง กลยุทธ์เดียวกันก็ให้ผลที่ต่างกันในตลาดที่มีสถานการณ์ต่างกัน ผู้ซื้อขายจะต้องวิเคราะห์ว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหนบ้างในการซื้อขายครั้งนั้นๆ และยังต้องคิดว่าจะใช้ระยะเวลาในการซื้อสั้นหรือยาวแค่ไหน นอกจากนั้น ยังต้องยอมปรับตัวและเปลี่ยนสไตล์การซื้อขายให้เหมาะไปตามกระแสตลาดอีกด้วย
นี่คือกลยุทธ์บางส่วนที่ใช้ได้ผลมาเป็นเวลาหลายปี:
- Fibonacci Pivotแบบรายวัน – ถึงแม้ว่ามันจะเป็ฯกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปทางด้านการซื้อขายในแต่ละวัน ผู้ใช้นั้นสามารถนำไปดัดแปลงให้ใช้กับระยะยาวขึ้นได้ นำไปใช้รวมกับFibonacciและretracement เพื่อใช้กับpivotหลายจุดได้
- วิธีแบบBladerunner – ผู้ใช้สามารถใช้วิธีในการซื้อขายคู่สกุลเงินกับช่วงเวลาสั้น-ยาวได้ทั้งหมด ซึ่งทำให้เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
- Fibonacciแบบซ้อน – ถึงแม้อาจจะไม่แน่นอนเหมือนกลยุทธ์อื่นๆ แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้จากการใช้ร่วมกับสัญญาอื่นๆมากมาย
- วิธีแบบBolly Band Bounce – หากผู้ใช้นำไปใช้ควบคู่กับสัญญาณที่เป็นตัวยืนยันแล้วละก็ มันจะสร้างกำไรให้ได้จำนวนมาก
- วิธีPop ‘n’ Stop – วิธีนี้จะสอนให้คุณไล่ตามราคาอย่างมีประสิทธิภาพเวลาเป็นขาขึ้น ดังนั้น มันจะช่วยให้สามารถระบุได้ว่าราคาของสิ่งที่กำลังสนใจนั้นจะขึ้นหรือลงได้อย่างง่ายดาย
การทดสอบใช้กลยุทธ์วิธีต่างๆนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากก็จริง แต่อย่ากระโดดลงไปทำหรือเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่นเร็วเกินไปเพราะอาจจะทำให้สับสนกับผลลัพท์ที่ได้ ดังนั้นจึงควรศึกษาและใช้กลยุทธ์แต่ละรูปแบบอย่างละเอียดและมั่นใจก่อน ยึดอยู่กับกลยุทธ์ทีละอย่าง ใช้เวลากับมัน ใช้บัญชีทดสอบในการทดลอง และหากมันได้ผลสำหรับคุณก็ค่อยลงด้วยเงินจริง มื่อคุณได้เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์กับคุณแล้วก็ค่อนลองวิธีใหม่ดู หรือคุณจะลองใช้กลยุทธ์หลายๆอย่างบนบัญชีที่ต่างกันก็ได้
ข้อแนะนำที่3 – เรียนรู้ที่จะเทรดโดยไม่ใช้อารมณ์
ถึงแม้ว่าคุณจะมีกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ตาม แต่หากคุณใช้อารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการได้หรือเสียมาเป็นตัวตัดสิน มันจะทำให้คุณมีโอกาสตัดสินใจพลาดมาก ดังนั้น ผู้ซื้อขายไม่ควรจะรู้สึกผิดหวังมากเกินไปหากต้องเสีย หรือมั่นใจมากเกินไปหากได้รับกำไร
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะผู้เริ่มใหม่ๆนั้นมักจะเสียดายเงินที่เสียไป หรือว่าเกิดโลภขึ้นมาเวลาได้กำไร สรุปง่ายๆว่า ในการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องแยกแยะอารมณ์ให้ดี ต้องมีความสุขุม ใจเย็น และวิเคราะห์ให้ดี
ข้อแนะนำที่4 – อย่าลืมที่จะศึกษาเพิ่มตลอดเวลา
แพลตฟอร์มชั้นนำต่างๆของวงการนั้น มักจะมีศูนย์การเรียนรู้ให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆอยู่เสมอ รวมไปถึงบทความต่างๆ สัมมนาออนไลน์ คอร์สเทรดดิ้งทั้งระยะสั้นและระยะยาวสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ คอร์สสำหรับคนระดับกลาง และสำหรับผู้ที่ช่ำชองแล้วระดับนึง นอกจากนั้นยังมีeBookและช่องทางอื่นๆอีกมากมายที่จะให้ข้อมูลกับผู้ใช้ ดังนั้น นักซื้อขายระดับสูงจะต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาและค่อยๆพัฒนาวิธีการของตนขึ้นไปเรื่อยๆ หากคุณตั้งใจที่จะใช้ฟอเร็กซ์เป็นรายได้แล้วละก็ คุณจะต้องขยันที่จะเรียนรู้
บทสรุป – พัฒนาการลงทุนของตัวเอง
เมื่อคุณได้เลือกกลยุทธ์ในการซื้อขายฟอเร็กซ์ของคุณแล้ว คุณควรจะคิดแผนการเผื่อไว้รองรับด้วย การเลือกใช้กลยุทธ์นั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น และจะต้องค่อยๆพัฒนากลยุทธ์ของตัวเองขึ้นมา อันที่จริงแล้ว การวางแผนที่ดีนั้นจะต้องใช้ทั้งแผนการและกลยุทธ์ที่ใช้งานได้ดี การบริการเงิน การบริหารความเสี่ยง การมองหาช่วงเวลาที่ดี และอื่นๆอีกมากมายที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น ในระหว่างที่คุณกำลังพัฒนากลยุทธ์ของตัวเองนั้น คุณควรจะนึกถึงปัจจัยอื่นๆด้วยเช่น สไตล์ของการซื้อขายและบุคลิกของคุณเอง
เมื่อคุณสร้างแผนและกลยุทธ์ได้สำเร็จแล้ว ก็ต้องมาทดสอบบนบัญชีทดลองเสียก่อน ที่ซึ่งคุณจะสามารถวิเคราะห์ผลได้อย่างละเอียดและทดลองใช้กับสถานการณ์จริง ซึ่งจะทำให้คุณมั่นใจขึ้นและสามารถนำมันไปใช้กับเงินจริงได้